วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 10


บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 10

วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม 2557



 การทดลอง
วิทยาศาสตร์ 


การทดลองที่ 1  " ปั้นๆกลมๆ "


          ปั้นดินน้ำมันเป็นรูปกลมๆ เเล้วนำดินน้ำมันลงไปใส่ในโหลน้ำที่เตรียมไว้ซึ่งในขวดโหลก็มีน้ำอยู่เกือบเต็มโหล เมื่อหย่อนดินน้ำมันลงไป ดินน้ำมันจะจมลงไปในน้ำ เพราะรูปทรงกลมมีน้ำหนักมากจึงจมลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว 

 การทดลองที่ 2   "เรือจม เรือลอย" 



ปั้นดินน้ำมันเป็นรูปทรงต่างๆตามจินตนาการ เช่น รูปเรือ  แล้วนำลงไปใส่ในโหลน้ำ จะสามารถลอยน้ำได้ เนื่องจากมีลักษณะแบนและบาง"

                                                       การทดลองที่ 3  " ดอกไม้"



เกิดจากการดูดซึมของน้ำ โดยที่เมื่อวางกระดาษลงไปน้ำจะดูดซึมไปในกระดาษ กระดาษจะทำการคลายตัวออก

                                      การทดลองที่ 4  "น้ำไหล"

เปิดเทปรูที่1 (รูด้านบน) สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น คือ น้ำจะไม่ไหลออกมา เเต่ลองเปิดฝาขวดน้ำออก น้ำก็จะไหลออกมาค่อยๆเเต่ไม่เเรง เพราะมีเเรงดันอากาศเปิดเทปออกเเล้วน้ำจะไม่ไหลออกมา


เปิดเทปรูที่ 2  (รูตรงกลาง) สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้น คือ น้ำจะไหลออกมาเเรงกว่ารูที่ 1 ถึงจะปิดฝาขวดเเล้วก็ตาม ( เเต่ถ้าไม่อยากให้น้ำรูที่2ไหลให้เอามือไปปิดที่ 1ไว้น้ำก็จะไม่ไหล) ซึ่งเกิดจากเเรงดันอากาศนั้นเอง


                                      เปิดเทปรูที่ 3  น้ำจะไหลออกมาเเรงกว่ารูที่1และรูที่ 2
การนำไปประยุกต์ใช้
  1. การเรียนรู้ของการหักเเหที่เเสงกระทบกับวัตถุ
  2. การลอยน้ำของมวลของวัถตุที่มีหนักเเละเบา
  3. การเรียนรู้เรื่องเเรงดันอากาศ และมวลของน้ำ
Evaluation

     Me :   ตั้งใจเรียนให้ความร่วมมือในการเรียนดี มีการตอบคำถาม สม่ำเสมอ ช่วยอาจารย์จัดเตรียมอุปกรณ์ และเก็บอุปกรณ์แต่งกายเรียบร้อย
       My friend : ตั้งใจเรียนกันดี มีความสนใจในการทำกิจกรรมเป็นอย่างมาก เข้าเรียนตรงต่อเวลา มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีการแบ่งหน้าที่กันเป็นอย่างดี
       Teacher : สอนทำกิจกรรมสนุกและประทับใจมากๆ และเป็นกิจกรรมที่ง่ายๆ สอนเข้าใจค่ะ

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 9


บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 9

วัน เสาร์ ที่ 18 ตุลาคม 2557
(ชดเชย วัน พฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม 2557)


วันนี้เรียนการเขียนแผนการจัดการเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
หน่วยเรื่อง กล้วย ( banana )


ตัวอย่างการเขียนแผนวันที่ 4 วันพฤหัสบดี เรื่อง ประโยชน์ (benefit) และข้อพึงระวังของกล้วย

ขั้นนำ       ครูเล่านิทาน (tale) เรื่อง บ้านสวนกล้วย ให้เด็กๆฟัง
ขั้นสอน    ครูสอบถามประโยชน์และข้อพึงระวังของกล้วยที่ได้ฟังในนิทาน พร้อมถามคำถามปลายเปิด ให้เด็กต่อจิ้กซอร์ภาพ แล้วให้วาดรูป (draw)ตามจินตนาการ ในเรื่อง ประโยชน์และข้อพึงระวังของกล้วย
ขั้นสรุป     ครูและเด็กร่วมกันอภิปราย และสรุปเป็นแผนภาพอย่างง่าย

ความรู้ที่ได้รับ
  1. ทักษะการใช้สัญลักษณ์(emblem)เเทนจำนวนหรือตัวเลข (number)
  2. ทักษะการเรียนรู้การทำกราฟิก (graphics)อย่างง่าย เช่น การทำ Mind Map การทำตารางเปรียบเทียบ
  3. เทคนิควิธีการนำเด็กเข้าสู่บทเรียน
  4. การจัดระบบเนื้อหาการเรียนการสอนในเเต่ละวัน
  5. ทักษะการคิดบูรณาการกับวิชาอื่นๆ
  6. ทักษะการเขียนแผนการสอนที่ถูกต้อง
  7. การใช้คำถาม เพื่อทบทวนความจำของเด็ก
  8. ทักษะการเชื่อมโยงความคิด
  9. นำไปปรับในการเรียนวิขาอื่นๆ
 Evaluation 
ประเมินตนเอง :  ตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายการเขียนเเแผนการสอนและให้ความร่วมมือในการตอบคำถาม การคิดวิเคราะห์ จดบันทึกเนื้อหาและเทคนิควิธีการสอนการเขียนแผนที่ถูกต้อง
ประเมินเพื่อน : เข้าเรียนตรงเวลา เเต่งกายถูกระเบียบ  เเละช่วยกันตอบคำถามของอาจารย์
ประเมินอาจารย์ :  เข้าสอนตรงเวลา  มีเทคนิควิธีการสอนการเขียนเเผนการสอน โดยการใช้คำถามเพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาได้คิดวิเคราะห์ ได้เเสดงความคิดเห็น และยกตัวอย่างอธิบายเนื้อหารายละเอียดที่ชัดเจน เข้าใจมากขึ้น 





บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 8


บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 8

วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม 2557


กิจกรรมในวันนี้คือ  นำเสนอของเล่นวิทยาศาสตร์จากวัสดุเหลือใช้
ของเล่นวิทยาศาสตร์ของฉันคือ รถแข่ง( racing car )
   

  รถแข่งจะเคลื่อนที่ได้จากแรงส่งจากด้านหลัง ทำให้เคลื่อนที่ไปทางด้านหน้า จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับแรงส่ง และแรงส่งนั้นคือ แรงลมจากพลังงานในตัวของผู้เป่า

 สื่อที่เพื่อนนำมาเสนอ


 ความรู้ที่ได้รับ
  1. การสอนเด็กให้เรียนรู้และศึกษาค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเองจากการเล่นของเล่นที่เป็นสื่อทางวิทยาศาสตร์
  2. การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์ให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย
  3. การสอนเด็กให้เรียนรู้และศึกษาค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเองจากการเล่นของเล่นที่เป็นสื่อทางวิทยาศาสตร์
  4. การประดิษฐ์ (artificial) สื่อต่างๆ เด็กจะได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คือ การสังเกต  การเปรียบเทียบ การทดลองเเละความคิดสร้างสรรค์
  5. การสอนเด็ก ครูต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมาสนับสนุนเนื้อหาที่สอน
  6. ของเล่นทางวิทยาศาสตร์เเต่ละชิ้นจะเกิดการเปลี่ยนเเปลงเกิดสิ่งที่เเปลกใหม่ขึ้นมา เรียกว่า หลักการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้คำถามชวนคิดว่า "ทำไม" เช่น  ทำไมกังหันลม จึงหมุนได้
  7. การพูดนำเสนอสื่อหน้าชั้นเรียน ควรพูดออกเสียงให้ชัดถ้อยชัดคำ การออกเสียงคำควบกล้ำ ร ล บุคลิกภาพ และมารยามที่ดี 
  8. การนำวัสดุ(material)ที่เหลือใช้มาคิดประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานทางวิทยาศาสตร์
  9. การให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง5 และการลงมือกระทำด้วยตนเอง

ประเมินการเรียน (Evaluation of teaching)

      ตนเอง          ข้อมูลที่นำไปนำเสนอยังไม่ค่อยแม่นยำสักเท่าไหร่ และมีอาการตื่นเต้นเวลานำเสนองาน
      เพื่อน          เพื่อนเตรียมสื่อที่ตัวเองประดิษฐ์มานำเสนอทุกคนและมีความพร้อมในการนำเสนอ
      อาจารย์      อาจารย์ให้คำเเนะนำเกี่ยวกับสื่อแต่ละชิ้นทำให้ได้เรียนรู้มากขึ้น



วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หน่วยการเรียนรู้เรื่อง กล้วย ( banana )


หน่วยการเรียนรู้เรื่อง กล้วย ( banana ) 


แก้เป็นอันใหม่ที่สมบูรณ์ จากคำแนะนำจากอาจารย์






บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 7


บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 7

วันพฤหัสบดี ที่ 2 สิงหาคม 2557


กิจกรรม (Activities) แกนทิชชูมหัศจรรย์
อุปกรณ์ ( Equipment ) 1.แกนกระดาษทิชชู
                                   2.ไหมพรม
                                   3.กระดาษตัดเป็นวงกลม
                                   4.ปากกา / สีตกแต่ง
                                   5.กาว (Glue)
                                   6.กรรไกร
วิธีการทำ 1. ตัดแกนกระดาษทิชชู ครึ่งแกน
               2. เจาะรูที่แกนกระดาษทิชชู
               3. วาดภาพที่ชอบลงไปในกระดาษวงกลม
               4. ติดกระดาษไว้บนแกนกระดาษทิชชู
               5. ร้อยไหมพรมเข้าในรู มัดปมตรงปลาย
วิธีการเล่น 1. เอาเชือกคล้องคอ
                2.กางออกแล้วขยับเรื่อยๆ แกนกระดาษทิชชูก็จะเลื่อนขึ้นจนสุด
ประโยชน์ที่เด็กจะได้จากกิจกรรมนี้
               1. เด็กได้รู้จักการสังเกต
               2.เด็กได้ทดลอง
               3.ได้ใช้จินตนาการของเด็กในการวาดรูปที่ตนชอบ  


                                   การนำเสนอบทความวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

บทความเรื่องที่ 1  
เรื่องสอนเด็กเรียนวิทยาศาสตร์จากเป็ดและไก่ จัดกิจกรรมชวนเด็กตั้งคำถามในการสืบค้นข้อมูล
-        ร้องเพลงและทำท่าทางตามจินตนาการและฟังนิทานเรื่อง หนูไก่คนเก่ง
-        ตั้งคำถาม
-        สำรวจและรวบรวมข้อมูล
-        นำเสนอรูปภาพและบันทึกข้อมูลผ่าน Picture

บทความเรื่องที่ 2  
จุดประกายเด็กคิดนอกกรอบจากของเล่นวิทยาศาสตร์ นำวัสดุเหลือใช้มาทสิ่งประดิษฐ์ ของของใช้
การประดิษฐ์
-          
บทความเรื่องที่ 3  
เรื่องการส่งเสริมกระบวนการคิด   เด็กมีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และชอบการสำรวจใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5ในการเรียนรู้ โดยอาจจะเริ่มจากการวาดภาพ โยการฝึกให้เด็กสังเกต ตั้งคำถาม แล้วมาเล่าให้พ่อแม่ฟัง
การบูรณาการมี  2 ประเภท คือ รวมเป็นเนื้อเดียวกัน การแยกสาระ
-           
 บทความเรื่องที่   
สอนลูกเรื่องปรากฎการณ์ธรรมชาติ  สอนในเรื่องที่มีผลกระทบต่อตัวของเด็กโดยตรง ในสาระธรรมชาติรอบตัว นำไปสู่การทดลอง และการปฏิบัติจริงจากสถานการณ์จริง และสถานการณ์จำลอง โดยการใช้คำถามเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กเกิดการคิดวิเคราะห

บทความเรื่องที่ 5  
การสอนลูกเรื่อง อากาศ การเรียนรู้ลักษณะ ความสำคัญ ความจำเป็น ต่อการดำรงชีวิตซึ่งการจัดกิจกรรมนี้ เด็กจะได้คิดและตั้งคำถามและเขาก็จะเป็นผู้หาคำตอบด้วยตัวของเขาเองโดยครูเป็นผู้จัดประสบการตรงให้แก่เด็กได้ทำกิจกรรม


การประเมินการเรียนการสอน

ประเมินตนเอง : แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมในชั้นเรียน และการทำกิจกรรมดี
ประเมินเพื่อน :   แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มาเข้าเรียนตรงเวลา สนใจในกิจกรรม
ประเมินอาจารย์ : แนะนำเทคนิคการสอนที่เป็นการตั้งคำถาม ทำให้เด็กเข้าใจมากขึ้น




บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 6


บันทึกการเรียนการสอนครั้งที่ 6

วันพฤหัสบดี ที่ 25 กันยายน 2557



กิจกรรม (Activities) กระดาษหมุน
อุปกรณ์ ( Equipment ) 1.กระดาษตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
                                   2.คลิปหนีบกระดาษ
วิธีการทำ 1. กระดาษตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า
               2. ตัดปลายกระดาษให้ลึก 
               3. พับปลายกระดาษอีกข้างแล้วใช้คลิปหนีบกระดาษติด
ประโยชน์ที่เด็กจะได้จากกิจกรมนี้
               1. เด็กได้รู้จักการสังเกต
               2.เด็กได้ทดลองและได้ใช้จินตนาการของเด็ก



                                      mind map หน่วยการเรียนรู้ต่างๆ
อาจารย์ให้นำไปแปะไว้ที่ผนังของห้อง และร่วมกันอธิบายโดยที่อาจารย์ จะบอกส่วนประกอบต่างๆที่ขาดหาย
                                         กลุ่มของดิฉันทำเรื่องกล้วย ( banana ) ค่ะ


mind map ของกลุ่มเพื่อน





บทความเรื่องที 1  
เรื่องแสงสีกับชีวิตประจำวัน
สีมีทั้งหมด 3สี เรียกว่าแม่สี คือ สี แดง น้ำเงิน เขียว ซึ่งมาจากดวงอาทิตย์ สีทุกสีบนโลกมาจากแม่สีนี้ในอัตราส่วนที่เท่ากันแล้วมาตกกระทบที่ตาของเราจึงเกิดสีต่างๆที่เรามองเห็น

บทความเรื่องที่ 
 เงามหัศจรรย์

บทความเรื่องที่ 
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คือการจัดสภาพแวดล้อมภายนอกและภายในให้เด็กได้เห็นและจะเกิดการซึมซับโดยไม่รู้ตัว เช่น การคัดแยกขยะ การปลูกต้นไม้ การนำเศษวัสดุเหลือใช้มาประยุกต์ใช้ใหม่

บทความเรื่องที่ 4 
 วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย จะไม่มีการเรียนรู้ด้านเนื้อหา จะให้เด็กลงมือกระทำด้วยตนเอง
การสังเกต จำแนกประเภทมี ประเภท คือ
-           ฝึกทักษะทางวิทยาศาสตร์
-           หาความรู้ทางวิทยาศาสตร์

บทความเรื่องที่ 5  
การทดลองวิทยาศาสตร์
-           ทักษะการสังเกต
-           ทักษะการวัด
-           ทักษะการจำแนกประเภท
-           ทักษะการสื่อสาร การแสดงผล
-           ทักษะการลงความเห็น
-           ทักษะการพยากรณ์

การนำความรู้ไปประยุกต์ใช้
-           ครูควรมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมพร้อมๆกับเด็ก เพื่อเป็นการกระตุ้นอีกทางหนึ่ง
-           จัดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างมีประสิทธิภาพ


การประเมินการเรียนการสอน
ประเมินตนเอง : แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมในชั้นเรียน
ประเมินเพื่อน :   แต่งกายสุภาพเรียบร้อย มาเข้าเรียนตรงเวลา
ประเมินอาจารย์ : แนะนำเทคนิคการสอนเกี่ยวกับการเรียนรู้ทักษะทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กอย่างตรงประเด็น


          


         

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2557

บทความ




    เรื่อง โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว (The Earth, the sun, the moon and stars)
    ผู้เขียน: อาจารย์ นิติธร ปิลวาสน์ ศึกษานิเทศก์
หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเกี่ยวกับโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กวัย 2–5 ปี ด้วยการปฏิบัติกิจกรรม ด้วยการลงมือกระทำด้วยตัวเอง จากการเรียนรู้ จากการใช้ประสาทสัมผัสทั้งห้า เพื่อให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดและพัฒนาทักษะพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา เช่น การทดลองเรื่องกลางวันกลางคืน การทดลองเรื่องพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ฯลฯ ทั้งนี้ เนื่องจากเด็กเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เด็กจึงต้องเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่ง แวดล้อมรอบตัว เพื่อที่จะได้ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เหมาะสม การสอนเด็กให้เรียนรู้เรื่องโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวเป็นการสร้างความคิดรวบยอดให้กับเด็กรวมทั้งการพัฒนาพื้นฐานที่จำเป็น อันเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ให้กับเด็กต่อไป

การสอนเรื่อง โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว สำคัญอย่างไร?

จะเป็นพื้นฐานไปสู่การเรียนการสอนระดับประถมศึกษา แต่ในระดับปฐมวัย การเรียนรู้เรื่องดังกล่าวนี้ จะอยู่ในสาระที่เด็กควรเรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว โดยมุ่งให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเด็ก เช่น ดวงอาทิตย์จะปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าในตอนเช้าของทุกวัน ตอนกลางวันคนส่วนมากจะตื่นนอนและทำงาน ส่วนเด็กจะไปโรงเรียน เล่นและทำงานร่วมกับเพื่อนที่โรงเรียน ตอนกลางวันจะรับประทานอาหาร ตอนบ่ายหรือตอนเย็นเลิกเรียนและกลับบ้าน อาบน้ำ รับประทานอาหาร ทำการบ้านที่ครูสั่ง ตอนกลางคืนจะมืด มีดวงจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้าแทนดวงอาทิตย์ อากาศตอนกลางคืนไม่ค่อยร้อน และทุกคนจะนอนหลับในเวลากลางคืนการเรียนรู้ในสาระดังกล่าวสำหรับเด็กปฐมวัยนั้นจะเน้นที่ความสอด คล้องกับชีวิตประจำวันและบริบทของเด็ก เพราะเด็กยังไม่เข้าใจหลักการ เหตุผลหรือทฤษฎีที่เกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาลได้เหมือนผู้ใหญ่ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนจึงมุ่งให้เด็กได้ค้นหาความรู้ ความจริงที่ปรากฏ และสามารถพิสูจน์ได้ จากการใช้ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ เช่น ทักษะการสังเกต การเปรียบเทียบ การทดลอง การสื่อความหมายอธิบายความเหมือน ความต่างของสิ่งต่างๆ การจับคู่ จำแนก จัดกลุ่ม การเปรียบเทียบ การเรียงลำดับสิ่งต่างๆ การเปรียบเทียบเวลา ตอนเช้า ตอนเย็น เมื่อวาน วันนี้ ซึ่งในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ได้รับประสบการณ์สำคัญครูปฐมวัยจึงบูรณาการทั้งกิจกรรมและบูรณาการทักษะอย่างสมดุลกัน ด้วยการจัดประสบการณ์แบบหัวเรื่องหรือหน่วยให้เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย

การสอนเรื่อง โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร?

·         ทำให้เด็กปฐมวัยมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสาระการเรียนรู้ตามระดับความสามารถของเด็ก เช่น เด็กรู้ว่าโลกกลม เด็กเดิน วิ่ง เล่น และทำกิจกรรมต่างๆบนพื้นดินหรือพื้นผิวของโลก บนโลกจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆอาศัยอยู่ร่วมกัน ดวงอาทิตย์จะปรากฏให้เห็นตอนกลางวันคืนจะมืดและจะมองเห็นดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆในเวลากลางคืน ทุกคนจะนอนหลับในตอนกลางคืน เด็กควรระมัด ระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในเวลากลางคืน

1 ช่วยให้เด็กรับรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตต่างๆที่อาศัยร่วมกันบนโลก

2 ช่วยให้เด็กรู้ว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อม เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งต่างๆที่อยู่ในโลก และควรมีความรับผิดชอบต่อโลกและสิ่งแวดล้อมตามระดับวุฒิภาวะที่สามารถทำได้ เช่น ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ใช้น้ำและไฟอย่างประหยัด
3 ช่วยให้เด็กได้รับการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ การเรียนรู้เรื่องโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ซึ่งเป็นเนื้อหาทางด้านวิทยาศาสตร์ การเรียนรู้ในเรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่เด็กจะต้องมีการสืบค้นข้อมูลความรู้ มีการพิสูจน์ทดลองต่างๆ ตลอดจนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงในชีวิตประจำวัน เด็กต้องใช้ทักษะการสังเกต เช่น การสังเกตลักษณะของกลางวัน สังเกตการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์
ครูสอนเรื่อง โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ให้ลูกที่โรงเรียนอย่างไร?

·         1 จัดประสบการณ์แบบหน่วยการเรียนรู้ โดยการใช้สาระการเรียนรู้เรื่องโลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวเป็นชื่อหน่วยครูอาจกำหนดเรื่องย่อยที่จะเรียนในแต่ละวัน เช่น ลักษณะของดวงอาทิตย์ ประโยชน์ของดวงอาทิตย์ พลังงานจากดวงอาทิตย์
2 การจัดประสบการณ์แบบบูรณาการเนื้อหา หมายถึง การกำหนดการเรียนรู้แบบหน่วย แต่จะบูรณาการเนื้อหาอื่นๆเข้ามาไว้ด้วยกัน ให้มีความสัมพันธ์กัน เช่น เรียนหน่วยดวงอาทิตย์ แต่จะ

·         3บูรณาการเรื่องดวงจันทร์ ดวงดาว และโลกให้เด็กได้เรียนรู้ไปพร้อมๆกัน

จัดประสบการณ์โดยอาศัยแหล่งเรียนรู้ภายในชุมชนและท้องถิ่นโดยให้เด็กศึกษานอกสถานที่ เช่น การเรียนรู้เรื่องระบบสุริยะจักรวาลจากการพาเด็กไปทัศนศึกษาที่ท้องฟ้าจำลอง
พ่อแม่ ผู้ปกครองจะสอนลูกเรื่อง โลก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวอย่างไร?


กิจกรรมการสอนของพ่อแม่ควรเป็นการสอนในสถานการณ์จริง เช่น พ่อแม่ถามลูกว่า ลูกรู้สึกอย่างไรเมื่อเดินในที่โล่งแจ้งโดยไม่กางร่ม ทำไมลูกเหงื่อออกเมื่อเดินตามชายหาดในเวลากลางวัน ทำไมลูกโป่งลอย แต่ตัวเราไม่ลอยเหมือนลูกโป่ง บางครั้งพ่อแม่อาจจะพาลูกไปเที่ยวในช่วงกลางคืนแล้วเห็นดวงจันทร์ ดวงดาวปรากฏบนท้อง ฟ้า ก็อาจจะซักถามลูกและกระตุ้นให้ลูกคิดเช่น ถามลูกว่าทำไมดวงจันทร์มีขนาดใหญ่กว่าดวงดาวพ่อแม่ไม่ควรคาดหวังว่าเด็กจะตอบได้หรือเข้าใจเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่มุ่งให้เด็กได้พัฒนาทักษะกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ขั้นพื้น ฐาน และพ่อแม่ควรเรียนรู้ควบคู่ไปกับลูก เนื่องจากบางครั้งพ่อแม่ขาดข้อมูลที่จะนำมาอธิบายเหตุผลให้กับลูก ก็ต้องสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการของเด็กด้วย พ่อแม่ควรใช้โอกาสต่างๆ สอนลูก โดยคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงและสอนในสิ่งที่เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด